ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

โผน กิ่งเพชร

โผน กิ่งเพชร (12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478 — 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2525) ชื่อจริงว่า มานะ สีดอกบวบ ชื่อเล่น "แกละ" เป็นแชมป์โลกชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ โผนเป็นนักมวยรูปร่างผอมบาง มีช่วงขาที่ยาว ถนัดขวา และเป็นแชมป์โลกชาวไทยคนแรกที่ได้ครองแชมป์โลกถึง 3 สมัย แต่ด้วยปัญหาส่วนตัว ทำให้โผนติดสุราจนการชกตกต่ำลง จนเสียแชมป์ไปและไม่มีโอกาสชิงแชมป์คืนได้อีก โผนถือเป็นตำนานของวงการมวยสากลคนหนึ่งของไทย วันที่โผนชิงแชมป์โลกได้ถูกกำหนดให้เป็นวันนักกีฬาไทย และมีการสร้างอนุสรณ์สถานของเขาที่หัวหินหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว 10 ปี

โผนเป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวน 9 คน ของนายห้อย และนางริ้ว สีดอกบวบ เรียนที่โรงเรียนมัธยมสาธุการจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วจึงเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอหัวหินจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากนั้น จึงไปเรียนที่โรงเรียนหัวหินวิทยาลัยจบการศึกษาระดับมัธยมปีที่ 6 ด้วยความเป็นคนรักกีฬา ชอบเล่นกีฬาทุกประเภท แต่ที่ชอบมากที่สุด คือ มวยสากล ถึงขนาดเคยลั่นวาจาต่อหน้าเพื่อน ๆ ว่า เขาจะเป็นแชมป์โลกคนแรกของไทยให้ได้ (เนื่องด้วยก่อนหน้านั้น จำเริญ ทรงกิตรัตน์ เคยชิงแชมเปี้ยนโลกมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย)

หลังจากนั้นโผนหันมาชกมวยสากลอาชีพอย่างจริงจัง จนได้ครองแชมป์ OPBF รุ่นฟลายเวท และได้ขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทกับ ปาสคาล เปเรซ เจ้าของตำแหน่งในขณะนั้นชาวอาร์เจนตินา ซึ่งโผนชนะคะแนนได้เป็นแชมป์โลกคนแรกของไทยตามที่ตั้งใจไว้ แม้จะเสียตำแหน่งไป โผนก็ยังชิงแชมป์คืนกลับมาได้ ได้เป็นแชมป์โลกถึงสามสมัยก่อนจะแขวนนวมไป

หลังจากได้เป็นแชมป์โลกแล้ว โผนจึงรู้จักกับ มณฑา เพชรไทย ซึ่งเป็นบุตรสาวของ พ.ต.ต. พยุง เพชรไทย แต่งงานกันเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ก่อนที่โผนจะไปป้องกันแชมป์โลกกับไฟติ้ง ฮาราด้า โผนมีบุตรสาว 2 คน

หลังจากแขวนนวม ชีวิตของโผนตกต่ำอย่างที่สุด เพราะทรัพย์สินเงินทองเมื่อครั้งได้จากการชกมวยก็ร่อยหรอ แม้แต่โรงเรียนมานะวิทยา ที่เคยสร้างไว้ที่บ้านเกิด เมื่อครั้งรุ่งเรือง ก็ต้องขายทิ้ง ประกอบอาชีพค้าขายก็ขาดทุน เพราะไม่เจนจัดเล่ห์เหลี่ยมการค้า ส่วนตัวโผนเองก็มีโรคประจำตัวเรื้อรังคือ โรคเบาหวาน ท้ายที่สุด ขณะรับประทานอาหารกับครอบครัวที่บ้านหัวหิน อาหารเกิดสำลักเข้าไปติดอยู่ในหลอดลม ทำให้เกิดการบูดเน่าและโลหิตเป็นพิษ อาการของโผนทรุดหนัก เพราะเป็นหวัดอยู่ด้วยและเป็นโรคปอดแทรกซ้อนเข้ามา ครอบครัวต้องนำส่งโรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นการด่วน อาการก็ไม่ดีขึ้น จนในที่สุด เวลา 5 ทุ่ม ของคืนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 โผนก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ด้วยวัยเพียง 47 ปี 3 เดือน 20 วัน

โผนฝึกและขึ้นชกมวยครั้งแรกที่หัวหินบ้านเกิด มีฝีมือดีที่เป็นที่ลือลั่น แต่ สง่า สีดอกบวบ พี่ชายคนโต ไม่เห็นชอบด้วย จึงนำโผนมาฝากไว้กับ นายห้างทองทศ อินทรทัต เจ้าของบริษัทเทวกรรม โอสถ ซึ่งเป็นเจ้าของค่าย "กิ่งเพชร" ในซอยชื่อเดียวกับค่าย ย่านถนนเพชรบุรี เมื่อ พ.ศ. 2497 ซึ่งโผนได้รับการฝึกสอนและขึ้นชกสม่ำเสมออย่างจริงจัง โดยที่มาของชื่อ "โผน" นั้น เป็นชื่อของน้องชายนายห้างทองทศ ซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์กบฏวังหลวง พ.ศ. 2492 ก่อนหน้านี้ (พ.ต. โผน อินทรทัต อดีตเสรีไทย และผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ ในขณะนั้น)

โผนขึ้นชกมวยสากลครั้งแรกประมาณ พ.ศ. 2498 ชนะน็อค นกนิด ท.ส. ยก 2 และพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในการชกครั้งที่ 3 โดยเป็นฝ่ายแพ้คะแนนสุวรรณ นภาพล จากนั้นการชกของโผนดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชนะน็อก กู้น้อย วิถีชัย แชมป์ฟลายเวทของเวทีราชดำเนิน ได้อย่างงดงามเมื่อ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2499 ทั้ง ๆ ที่โผนมีประสบการณ์น้อยกว่าอย่างเทียบไม่ติด และเคยชกแพ้มาก่อนในการเจอกันครั้งแรก ต่อมาเมื่อมีการแก้มือกันเป็นครั้งที่สาม โผนก็ชนะคะแนนไปได้อีกครั้งเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2499 ก่อนจะขึ้นครองแชมป์เวทีราชดำเนิน โผนชกชนะนักมวยชื่อดังในรุ่นฟลายเวตและแบนตัมเวทในยุคนั้นมาแล้วหลายคน เช่น บุญธรรม วิถีชัย พร พัลธุมเกียรติ สมยศ สิงหพัลลภ ประยุทธ ยนตรกิจ เป็นต้น โผนขึ้นชกกับนักมวยต่างชาติครั้งแรกเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2499 ชนะน็อคมินธัม กัมพุช แชมป์รุ่นแบนตัมเวทของกัมพูชา ต่อมา โผนได้ขึ้นชิงแชมป์ภาคตะวันออกไกลฯ (OPBF) โดยชนะคะแนน แดนนี่ คิด เจ้าของตำแหน่งชาวฟิลิปปินส์ โผนจึงได้มีชื่อติดอันดับโลก และเป็นการกรุยทางสู่การชิงแชมป์โลก

หลังจากที่โผนชนะแดนนี่ คิด ก็ได้เข้าสู่อันดับโลก แต่โผนก็กรามหักจนต้องหยุดชกไป 6 เดือน หลังจากนั้น จึงขึ้นชิงแชมป์ภาครุ่นแบนตัมเวทแต่เป็นฝ่ายแพ้คะแนน เลียว เอสปิโนซ่า โผนจึงกลับมาชกในรุ่นฟลายเวทดังเดิม ป้องกันแชมป์ภาคได้สองครั้งก่อนจะสละตำแหน่งเพื่อรอชิงแชมป์โลก แต่หลังจากที่โผนชกชนะคะแนน มานูเอล อาร์เมนตรอส นักมวยระดังรองแชมป์โลกเมื่อ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 โผนขับรถชนท้ายรถบรรทุก ต้องเข้าโรงพยาบาลอาการสาหัส ต้องหยุดชกไปทั้งปี เมื่อขึ้น พ.ศ. 2503 โผนกลับมาชกชนะนักมวยฟิลิปปินส์อีกครั้ง ก็ได้กำหนดชิงแชมป์โลกกับปาสคาล เปเรซ

การชิงแชมป์โลกของโผนได้กระทำต่อหน้าพระพักตร์ กับ ปาสคาล เปเรซ แชมเปี้ยนชาวอาร์เจนตินา ณ เวทีมวยลุมพินี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2503 โดยในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรด้วย โดยมีการจัดที่ประทับที่ชั้น 2 ของอัฒจรรย์ด้านทิศใต้ การชกในวันนั้นไม่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ เนื่องจากประเทศไทยขณะนั้นยังไม่มีสถานีโทรทัศน์ แต่มีการถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียง และมีการบันทึกการชกเป็นหนังสารคดีฉายตามโรงภาพยนตร์ในภายหลังแทน เริ่มแรกกำหนดการชิงแชมป์โลกของโผน คือ 2 เมษายน แล้วจึงเลื่อนออกมาเป็น 16 เมษายน มีการแต่งเพลงออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงด้วยทำนองเพลงกราวกีฬาว่า

วันที่ 2 เมษามหาฤกษ์ ชาวไทยเอิกเกริกกันทั่วหน้า โผนจะได้ชิงมงกุฏสุดโสภา เป็นมิ่งขวัญประชาชาติไทย

ก่อนถึงวันชก มีการโปรโมตตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น แต่งเพลงเชียร์โผนเป็นทำนองเพลงมาร์ช ปลุกใจ ตามวิทยุ หรือ รถกระจายเสียง ซึ่งผู้แต่ง คือ สุรพล โทณะวณิก และผู้ขับร้อง คือ มีศักดิ์ นาครัตน์ มีเนื้อร้องบางช่วงว่า

เราเชียร์โผน...เราเชียร์โผน...เราเชียร์โผน..โผน...โผน...โผน...โผน เปเรซจะแข็งอย่างไร แต่โผนเลือดไทย....ต้องเชียร์ไว้ดีกว่า.....

สำหรับ ปาสคาล เปเรซ แชมเปี้ยนนั้น เคยครองเหรียญทองโอลิมปิกมาแล้ว จากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ที่กรุงลอนดอน ในปี พ.ศ. 2491 และก่อนหน้าจะมาป้องกันตำแหน่งกับโผนนั้น ได้ป้องกันตำแหน่งไว้ได้แล้วถึง 10 ครั้ง ครองแชมป์อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 5 ปี โดยอายุของเปเรซขณะนั้นได้ 33 ปี ขณะที่โผนอายุเพียง 25 ปี ผ่านการชกมาแค่ 22 ไฟท์ เมื่อมาถึง คนไทยให้ฉายาเปเรซว่า "ยักษ์แคระ" เพราะเป็นนักมวยรูปร่างเล็ก แต่มีช่วงแขนที่ใหญ่บึกบึน

ผลการแข่งขันในการชกในครั้งนั้น ปรากฏว่าโผนชนะคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ โดยกรรมการ โลเรนโซ เทอเลบ้า กรรมการห้ามบนเวทีชาวอาร์เจนตินา ชาติเดียวกับเปเรซ ให้เปเรซชนะ 145 - 143 กรรมการชาวไทย วงศ์ หิรัญยเลขา ให้โผนชนะ 148 - 137 และ แน็ต แฟลชเชอร์ กรรมการจากเดอะ ริง ให้โผนชนะ 146 - 140 ได้ครองแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท ของสถาบันเดอะริง (The Ring) เป็นแชมป์โลกคนแรกของไทย ภายหลังการรู้ผลการชก ที่อำเภอหัวหินบ้านเกิดของโผนได้มีการจุดพลุฉลองทั่วทั้งเมืองทันที ต่อมา สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย ได้กำหนดให้ วันที่ 16 เมษายน ของทุกปี เป็น วันนักกีฬายอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ วันนักกีฬาไทย โดยมีการมอบรางวัลถ้วยพระราชทานเป็นประจำทุกปี (คนละวันกับ วันกีฬาแห่งชาติ 16 ธันวาคม ที่กำหนดตามวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้เหรียญทองกีฬาซีเกมส์)

นอกจากนี้แล้วในชกในครั้งนี้ ราคาค่าเข้าชมอยู่ที่ 60 บาท 150 บาท และ 350 บาท และเก็บค่าเข้าชมได้ถึง 1,600,000 บาท ถือว่าเป็นรายได้มหาศาลอย่างมาก

ในการชกครั้งต่อ ๆ มา เมื่อโผน กิ่งเพชร เสียตำแหน่งไปก็สามารถชิงกลับมาได้ถึง 3 ครั้ง โดยมีหลายไฟท์ในความทรงจำ เช่น การแก้มือกับ ปาสคาล เปเรซ ที่ลอสแอนเจลิส โดยชนะทีเคโอไปอย่างหายสงสัย และชนะคะแนน "เสือหมัดซ้าย" มิตสุโนริ เซกิ ถึงกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โผนเสียแชมป์สมัยแรกให้กับไฟติ้ง ฮาราด้า นักมวยดาวรุ่งจากญี่ปุ่น ก่อนการชก โผนเป็นฝ่ายได้เปรียบทั้งในด้านประสบการณ์และฝีมือ แต่เมื่อชกกันจริง ปรากฏว่าฮาราด้าใช้ความหนุ่มแน่นบุกตะลุยเข้าชกตั้งแต่ยกแรกจนโผนตั้งตัวไม่ติด อ่อนแรงลงและแพ้น็อคไปในที่สุด

โผนได้ชกแก้มือกับฮาราด้าอีกครั้งที่กรุงเทพฯ เมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2506 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาทอดพระเนตรด้วย การชกครั้งนั้นจัดที่อาคารยิมเนเซียม 1 (อาคารกีฬานิมิบุตรในปัจจุบัน) เป็นศึกชิงแชมป์โลกครั้งที่ 4 ที่จัดในเมืองไทย ในวันนั้นคนดูเข้าซื้อตั๋วที่สนามจนแน่น ตั้งแต่เวลา 17.00 น. และมีคนดูที่ซื้อตั๋วแล้วแต่เข้าสนามไม่ได้อีกมาก การชกในยกแรก ๆ โผนใช้เชิงชกที่เหนือกว่าและหมัดแย็ป เก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ ส่วนฮาราด้ายังบุกตะลุยเข้ามาในแบบเดิม จนโผนเริ่มหมดแรง ยืนขาตายหนีไม่ออก ถูกฮาราด้าไล่ถลุง ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จถึงสนามมวยพอดี เมื่อโผนทราบว่าพระองค์เสด็จมาถึงก็เกิดกำลังใจออกไปชกกับฮาราด้าได้ในรูปแบบเดิมใช้จังหวะฝีมือที่เหนือกว่าหลอกล่อฮาราด้า แทบจะเป็นฝ่ายชกข้างเดียวครบ 15 ยก โผนจึงเป็นฝ่ายชนะคะแนน ได้ครองแชมป์โลกสมัยที่ 2

หลังจากชิงแชมป์คืนมาจากฮาราด้า โผนว่างเว้นจาการชกไปนานเนื่องจากโผนไม่ยอมเข้าค่ายซ้อม แม้จะมีผู้ท้าชิงจากญี่ปุ่น คือ ฮิโรยูกิ เอบิฮาร่า ติดต่อมา แต่ก็ต้องเลื่อนกำหนดการชกออกไปหลายครั้ง ระหว่างนี้ นิยม ทองชิตร ถอนตัวจากการเป็นเทรนเนอร์ หิรัญ สีดอกบวบ พี่ชายเข้ามาเป็นผู้จัดการแทน ในที่สุดกำหนดการชกระหว่างโผนกับเอบิฮาร่ามีขึ้นเมื่อ 18 กันยายน พ.ศ. 2506 และโผนเป็นฝ่ายแพ้น็อคแค่ยกแรกเท่านั้น แต่ก็สามารถชกแก้มือ ชิงแชมป์โลกคืนจากเอบิฮาร่า เป็นสมัยที่สาม หลังจากนั้น ชื่อเสียงของโผนเริ่มตกต่ำลง การชกมวยของโผนไม่เป็นที่ราบรื่น เพราะขัดแย้งกับเทรนเนอร์ และผู้จัดการเสมอ ๆ จนต้องมีการเปลี่ยนตัวบ่อยครั้ง ประกอบกับโผนเองก็ติดสุราอย่างหนัก จนเกือบเป็นสุราเรื้อรัง หนีซ้อม ผลการชกก็ตกลงเรื่อย ๆ จนเสียแชมป์ให้กับซัลวาโตเร่ เบอรูนี่ ที่อิตาลี จากนั้น โผนไม่มีโอกาสชิงแชมป์โลกอีกเลย กลับมาชกไต่อันดับก็แพ้คะแนน เบบี้ โรโรน่า (ฟิลิปปินส์) เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509 โผนจึงแขวนนวมในปี พ.ศ. 2509 เมื่ออายุได้ 31 ปี

เมื่อยังเป็นแชมป์โลกอยู่นั้น โผน กิ่งเพชร เคยแสดงภาพยนตร์เรื่อง "เทพบุตรนักเลง" ในปี พ.ศ. 2508 ด้วย นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา และ เพชรา เชาวราษฎร์ โดยโผนแสดงเป็นตัวประกอบ เนื่องจากเป็นบุคคลที่โด่งดังอยู่ในเวลานั้น และมี อภิเดช ศิษย์หิรัญ นักมวยไทยชื่อดังร่วมสมัยแสดงด้วย นอกจากนี้ เมื่อโผนเสียชีวิตไปแล้ว ในปี พ.ศ. 2529 กันตนาจึงได้ผลิตละครชีวประวัติของโผน กิ่งเพชร ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5นำแสดงโดย โกวิท วัฒนกุล

โผนเป็นนักมวยที่มีจุดเด่นที่หมัดแยปรวดเร็ว ฟุตเวิร์กคล่องแคล่ว หาจังหวะชกฉาบฉวยได้ดี และมีปฏิภาณไหวพริบในการชก ไม่ใช่มวยหมัดหนักแบบ "โป้งเดียวจอด" เมื่อโผนเลิกชกมวยแล้ว เคยมีนักมวยรุ่นหลังมาฝึกมวยกับโผนหลายคน รวมทั้ง พเยาว์ พูนธรัตน์ ส่วน ชาติชาย เชี่ยวน้อย แชมป์โลกคนที่ 2 เคยมาเป็นคู่ซ้อมของโผนอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อราว พ.ศ. 2519 - 2520 มีชาวญี่ปุ่นมาเชิญโผนไปสอนมวยสากลที่ญี่ปุ่น แต่โผนปฏิเสธ โดยกล่าวว่าเขาไม่ต้องการให้วิชามวยนี้ไปอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่มีหน่วยงานใด ๆ ในไทยมาเชิญโผนไปสอนมวยสากลอย่างจริงจัง ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีฟิล์มภาพยนตร์บันทึกภาพการชกของโผนไว้ศึกษาในพิพิธภัณฑ์

เมื่อโผนได้เป็นแชมป์โลก และเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง โผนได้สร้างโรงเรียนที่อำเภอหัวหินชื่อ "โรงเรียนมานะวิทยา" เพื่อเปิดโอกาสให้คนจนได้เรียน โดยเซ้งกิจการต่อจากโรงเรียนจีนที่ใกล้จะปิดกิจการ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ม.3 แต่เปิดอยู่ได้ไม่นาน ก็ซบเซาจนต้องปิดกิจการ และถูกกระทรวงศึกษาธิการสั่งปิดเมื่อ พ.ศ. 2520

แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างอนุสรณ์สถานของโผน กิ่งเพชรเริ่มขึ้นตั้งแต่โผนเสียชีวิต แต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากนัก ต่อมา เมื่อ พ.ศ. 2532 หอภาพยนตร์แห่งชาติ กรมศิลปากร ได้จัดฉายภาพยนตร์การชกระหว่างโผนกับเปเรซ เก็บเงินบริจาคได้จำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่มีการสร้างอนุสรณ์สถาน จนกระทั่ง พ.ศ. 2534 สมาคมกิจวัฒนธรรมได้เคลื่อนไหวเพื่อสร้างอนุสรณ์สถานอีกครั้ง และได้เสนอให้สร้างอนุสาวรีย์ของโผนที่หาดหัวหิน เทศบาลหัวหินได้จัดงานแสดงดนตรีเพื่อระดมทุนก่อสร้างเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2534 จากนั้น จึงเริ่มการสร้างและมีพิธีเปิดเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2535 ลักษณะรูปปั้น สูง 2 เมตร 20 เซนติเมตร อยู่ในท่ายืน มือขวาชูกำปั้น มือซ้ายถือเข็มขัดแชมป์โลก โดยประติมากรผู้ปั้นรูปโผน คือ นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2549

นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ที่ตั้งชื่อให้เกียรติกับโผน คือ "น้ำตกโผนพบ" ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย โดยโผนได้เคยมาฟิตซ้อมบนภูกระดึงเพื่อให้เคยชินกับอากาศของต่างประเทศ ก่อนเดินทางไปแข่งขัน จึงได้ตั้งชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่โผน กิ่งเพชร

ทั้งนี้ ภารพยนตร์การชกมวยชิงแชมเปี้ยนโลกระหว่างโผน กิ่งเพชร-ปาสคาล เปเรซ พ.ศ. 2503 เวทีมวยลุมพินี กรุงเทพ ยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ 25 เรื่อง ที่กระทรวงวัฒนธรรม เลือกให้เป็นมรดกของชาติ เนื่องในวันอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทย ประจำปี 2555 ด้วยเช่นกัน


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301